ED4DEA8B8735755C6EA2BC5CCF774F7D Affiliater Newbies

Internet Marketer News

Auction Ads นำสินค้าจาก eBay แสดงบน Blog เรา

Auction Ads เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการหาเงินทาง Internet การทำงานคือ จะเป็น Ads ที่มีลักษณะ เหมือนกับ Adsense แต่จะเป็นการนำเอาสินค้าจาก eBay มาแสดง เมื่อมีคนประมูลหรือซื้อสินค้านั้น เราก็จะได้เงิน โดยจ่ายผ่านทาง Paypal เราสามารถเลือกขนาด สี เหมือน Adsense และสามารถติดร่วมกับ Adsense ได้ไม่มีปัญหาเหมือนกับ Astore ของ Amazon สมัครวันนี้เขาให้ Free 25 us Dollar [25$] ด่วนเลยครับช้าอาจอดนะ




และนี่คือตัวอย่าง Auction Ads ที่เราจะได้มา โดยเป็นสินค้าจาก eBay โดยเลือกจากการสร้าง Ads ที่พิมพ์ Keyword หรือสินค้าที่เราต้องการเข้าไป แล้วเวบจะสร้างเป็น Script ให้เรานำไปติดบน Blog หรือ Web ได้




การสร้าง Add เพื่อให้ได้ Script ที่จะเอาไปติด เวบ หรือ บล็อคนั้นให้เราเลือกที่ Get Code หรือ Ads Code ส่วนทางขวามือจะเป็นรายงานต่างๆของเรา






อันดับแรกเราต้องสร้าง Campaign ขึ้นมาก่อน จะเป็นชื่อไรก็ได้ จากนั้นเราก็พิมพ์ Keyword หรือสินค้าที่เราต้องการเข้าไป แล้วเลือก Campaign อันนี้เราต้องสร้างก่อนนะครับ จากนั้นก็เลือก Ad Type ซึ่งจะมี 2 ลักษณะคือ Standard Style และ New & Improve Style แล้วก็เลือก Ad Format ขนาดของ Ads และสี






เมื่อเรากด Creat เราก็จะได้ Script นำไปติดที่ เวบหรือ บล็อก เราได้แล้วครับ ส่วนข้างล่างก็จะมี Live Ad Preview ให้เราดูด้วย เผื่อแก้ไขรูปร่าง สี และขนาด ให้ได้ตามที่เราต้องการ ถ้าไม่ได้ดังใจเราก็ปรับเปลี่ยนได้รวดเร็วดีด้วยสมัคร Auction Ads ที่นี่ได้เลยครับ ส่วนการสมัครก็ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลานิดเดียวเสร็จ เพียงเท่านี้เราก็จะมี Auction Ads ไปติดเวบเราแล้วครับท่าน

Labels:

Flixya - Sharing everything

Flixya คือ Sharing revenue programme ชนิดหนึ่ง แปลง่ายๆ ก็คือ การแบ่งสัดส่วนรายได้กัน ระหว่างเราและเจ้าของเวบ การทำงาน คือ เราสมัคร http://www.flixya.com/ แล้วก็ใส่รายละเอียด pubID ของ Adsense ของเรา เพื่อให้ flixya สามารถ link กับ กูเกิ้ลได้ และสามารถเอาโค๊ด Adsense ของเรามาแสดงในโฆษณาที่แสดงในบล็อค หากมีคนคลิกโฆษณานั้น เราก็จะได้ค่าคลิก



หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้ว flixya ได้อะไร

1. flixya ได้จำนวนคนเข้าเวบเยอะ

2. ในบางหน้านั้น flixya เค้าก็เอา code adsense ของเค้าเองมาใส่

ส่วนในหน้าที่เป็นภาพ เป็นวิดิโอ เป็น blog หรือเป็นเนื้อหาที่สมาชิกใส่ลงไป ก็จะมี adsense ของสมาชิก
ก็เรียกว่า share รายได้กัน และก็ไม่ต้องกลัวว่าจะผิดกฏ เพราะอันนี้ กูเกิ้ลถือเป็นพันธมิตรกัน ในขั้นตอนการสมัคร กูเกิ้ลยังต้องส่งเมล์มาให้เรายืนยันอันนี้ก็สบายใจได้ว่าไม่ผิดกฏ ค่าคลิกก็ดีพอสมควร เนื่องจาก flixya เป็นเวบที่มีชื่อเสียง คนเข้า flixya วันๆ นึงก็เยอะ ดังนั้น ถ้าเราใส่ภาพสวยๆ ภาพดีๆ น่าสนใจ โอกาสที่คนจะเข้ามาดูก็เยอะ

Thank:http://www.thailanddb.com/?p=104

Labels:

เปิดร้านขายของกับ Zlio Shop

Zlio Shop ช่วยให้เรามีร้านค้าเป็นของตัวองแบบ Astore ของ Amazon ได้แต่ที่พิเศษกว่าคือเราสามารถติด Adsense ได้ด้วย ในการสร้าง store เราสามารถสร้างได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น และแต่ละ categories เราสามารถเลือกสินค้าได้ ไม่เหมารวมทั้ง categories เหมือน Astore Amazon ส่วนรายได้เราจะได้จากค่า commissions จากการขายสินค้าถ้าเราสามารถขายได้ และจากการคลิก Adsense โดยเราต้องจ่ายส่วนแบ่งให้กับเวบด้วย และยังได้จาก referral อีกด้วย Example Zilo Shop


โดยค่า commissions เราสามารถเลือกเป็น Pay Per Sale อย่างเดียว หรือเลือกแบบ Mixed คือ Pay per sale + per click ถ้ามีคนคลิกที่สินค้าแต่ไม่ซื้อเราก็จะได้ค่า commissions ด้วย ส่วน template ของร้านค้าก็มีให้เลือก 11 แบบ หรือเราจะออกแบบเองหรือแก้ไขเองก็ได้ และจะมีการทำ SEO ด้วย ถ้าเราทำการโปรโมทดีๆก็ไม่แน่ สินค้าก็มาจากเวบเหมือนๆกับ CJ นั่นแหละครับ โดยจะมีการเปรียบเทียบราคาให้ดูอีกด้วย




และที่พิเศษขึ้นมาอีกคือเราสารถทำ video เพี่อ promote ร้าน ZlioShop ของเราได้ด้วย และยังสามารถนำ สินค้าไปแสดงในเวบ หรือ Blog ของเราได้ และนอกจากนี้ยังสามารถเข้าร่วม Zlioshop's directory ของคนอื่นที่เขาทำโดยอาจจะมีการแลก Zlioshop กันคือเป็น Shops partners กันทำให้โอกาสมีมากขึ้นอีกด้วย ถึงแม้จะไม่มีคนซื้อแต่ก็ต้องมีคนสนใจสินค้า คลิ๊กเข้าไปดู เราก็ได้เงินจากการคลิ๊กนี่แหละ Pay per click




ที่ Menu My ZlioShop จะมีให้เราปรับแต่ง เช่น ใส่ Adsense ,Edit my categories ,Merchants Management ,Add new items,Change my template ,General settings




ส่วนการใส่ Adsense นั้นให้เราใส่ ID ของเราเข้าไปเลย แต่ถ้าใครไม่มี ก็สมัครใหม่ได้เลยครับ ด้านขวามือ หลังจากเราใส่ Adsense ID ของเราเข้าไปแล้ว Submit ไป เราก็จะได้รับ Mail จาก Google ตอบรับกลับมาเพราะว่า ZlioShop เป็นส่วนหนึ่งที่ทำข้อตกลง ไว้กับ Google แล้ว เราสามารถใส่ Adsense ID ได้ 5หน้า คือhome page,products pages,categories pages,sub categories,search page โดยจะกำหนดขนาดและ ตำแหน่งไว้ให้เราแล้ว




เมื่อเราจะเพิ่มสินค้าใน ZlioShop ของเรา ให้เลือกที่ Add new items ก็จะมี product directory หมวดต่างๆให้เราเลือก ในแต่ละหมวดก็จะมี Sub directory ย่อยๆให้เราเลือกอีกที



เราก็เลือกหมวด ย่อยต่างๆที่ปรากฎอยู่ หรือไม่ก็ Search หาสินค้าก็ได้ สินค้าจากหมวดต่างๆก็จะปรากฏให้เราเห็นตามหมวดต่างๆที่เราเลือก หรือ สินค้าที่เรา Search หา เมื่อเราต้องการสินค้าตัวไหนให้เรากดที่ express add




ทีนี่เราก็เลือกว่าจะใส่ใน category ไหน ถ้าไมมีก็ Add new category ใหม่ได้ แล้วเลือก Click ที่ Featured product ,Favorite product หรือ Add to my wishlist ก็ได้ แล้วกด Save สินค้าตัวนั้นก็จะไปอยู่ใน category ที่เราใส่เข้าไป




แค่นี้เราก็จะได้ Shop เป็นของเราแล้วพร้อมติด Adsense อีกด้วย สินค้าเราก็สามารถ Add ได้ เรื่อยๆครับ จะมีสินค้าใหม่มาตลอด แต่อาจช้าหน่อยในการที่เราจะ Add ให้ได้หลายๆตัวสินค้าใน Shop เรา ก็ลอง Add ไปเรื่อยๆครับ เมื่อได้ที่ก็นำไปโปรโมทได้เลย พร้อมที่จะทำเงินให้เราได้อีกทาง ทั้งจากค่า commissions และ Adsense

Labels:

วิธีกรอกแบบฟอร์ม W-8BEN

วิธีกรอกแบบฟอร์ม W-8BEN ลองดูตามรูปนะครับ เสร็จแล้วก็ Fax ไปให้เขา เบอร์FAX 818-879-5284 หรือส่งทางไปรษณีย์ ตามที่อยู่ ที่ CJ แจ้งมาครับ ผมส่งทาง อีเมลล์มันได้ครับ แต่ไม่แน่ใจ เขาจะยอมรับป่าว



  • บางคนก็ไม่ได้ส่งแต่ก็ได้รับเช็ค ครับอันนี้ไม่แน่ใจนะครับ ทางที่ดีส่งให้เขาแหละดีแล้ว ส่วนตัวผมส่งแบบ อีเมล์ครับ โดยแปลงแบฟอร์มเป็น Word แล้วกรอกข้อมูลลงไปแล้วแปลงคืนเป็น PDF แล้วก็เมล์ไป ก็ใช้มาจนทุกวันนี้ครับยังไม่เจอปัญหา
  • Labels: ,

    สุดยอด Affiliate Tips

    สุดยอด Affiliate Tips (เกร็ดเล็กๆน้อยๆที่คุณมองข้าม)

    เขียนโดย whitebmw จาก Thaiseoboard.com

    อันนี้ผมได้รวบรวมมาไว้ตั้งนานแล้วครับ แต่ผมโพสไว้ที่บอร์ด เสียวในไทย แล้วก็เห็นว่าตอนนี้ที่บอร์ดนี้กำลังหันมาสนใจ Affiliate กันเยอะ ก็เลยเอามาแชร์กันครับโดยที่ทั้งหมดนี้เกิดจากผมนั่งเก็บเล็กเก็บน้อย นั่งอ่านกระทู้เยอะๆ แล้วก็รวบรวมเอาไว้เราจะเริ่มต้นในการทำ Affiliate ยังไงดีขอบคุณมากครับ สำหรับคำถาม
    ... เริ่มแรกที่เราจะต้องทำ หลายๆคนที่ผมเห็น(จากการนั่งซุ่มดู) สิ่งแรกที่ทำกันก็คือ หาสินค้าที่จะทำการโปรโมท จริงๆแล้วมันก็ใช่ครับ เพราะต้องทำแบบนี้อยู่แล้ว แต่ว่าเพื่อนๆลืมอะไรไปรึเปล่าครับ ลืมทำการบ้านกันรึเปล่า(ไม่ใช่การบ้านแบบที่ทำกันกับแฟนที่บ้านนะครับ) การบ้านนี้ก็คือ "วิจัยตลาด" นั่นเองครับแล้วไอ้การวิจัยตลาดมันคืออะไรล่ะ พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือว่า เราต้องดูก่อนว่า ก่อนที่เราจะขายอะไรสักอย่าง เราก็ต้องดูก่อนใช่มั๊ยครับว่า ของที่เราจะขาย มันขายดีรึเปล่า ตอนนี้ความต้องการสินค้าในตลาดมีมากรึเปล่ายกตัวอย่างให้ดูกันครับ อันนี้เอามาจากชีวิตจริงครับที่โรงงานแห่งนึง(ไม่ขอเอ่ยชื่อครับ) ส่วนมากโรงงานก็จะมีสาวโรงงานซะส่วนมาก และลองนึกดูนะครับว่า สิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับผู้หญิงทุกคนคืออะไร ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก
    1. แป้งทาหน้า(นิสัยผู้หญิง ต้องสวยไว้ก่อน)
    2. เครื่องสำอางค์
    3. ผลไม้(นิสัยผู้หญิงชอบกินอะไรจุกจิกมากกว่าผู้ชาย)
    4. แล้วก็อะไรอีกมากมาย ที่ผู้หญิงจำเป็น ก็ลองนึกๆกันดูแล้วกันนะครับแต่ว่าที่ขายดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ย้ำครับว่ามากๆๆๆๆๆๆๆๆ) และแทบจะหาของไม่ทันด้วย แถมไม่มีคู่แข่งมาแย่งขายอีก เพราะมีแต่คนคาดไม่ถึง และไม่มีคนคิดอยากจะขายด้วย สินค้าตัวนี้ มีความต้องการสูงมาก เพราะจำเป็นสำหรับผู้หญิง ผู้หญิงทุกคนต้องซื้อ ไม่ต่างอะไรกับน้ำมันเลยทีเดียว ราคาแพงแค่ไหนก็ต้องซื้อ แถมขายได้ตลอดเวลา ไม่บูดเน่า ไม่เสีย ให้ทายครับว่ามันคืออะไร
    ......มันคือ ผ้าอนามัย ครับผู้หญิงคนไหนบ้างไม่เป็นประจำเดือน (ยกเว้นคนท้อง และคนแก่ที่หมดประจำเดือนแล้ว แต่ในโรงงานก็คงจะไม่ค่อยได้เห็นกัน) แถมไม่ค่อยมีคนอยากจะขายอีกต่างหาก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เพราะฉนั้น คู่แข่งน้อยอีกต่างหาก แล้วก็ขายดีอีกต่างหากต่อไปเราก็ต้องดูว่า คู่แข่งในตลาดของเราเป็นยังไงขอบคุณสำหรับคำถามที่สองครับ
    ... อันนี้ถ้าใครดูหรือว่าชอบเกี่ยวกับพวกการตลาด หรือว่าดูรายการทีวีพวก Money Chanel บ่อยๆก็คงจะเคยได้ยินคำว่า "Niche Market"Niche Market คืออะไร มันก็คือ ตลาดที่มีคู่แข่งน้อย แต่มีความต้องการในตัวสินค้าหรือบริการมาก สำหรับตอนนี้ตลาดที่ Niche ของโลกก็คือ "ผลิตภัณฑ์เกษตรที่ไม่พึ่งพาสารเคมี" อันนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆครับ เพราะว่ายุดใหม่ๆนี่คนเราหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น (เคยมีคำกล่าวที่ว่า "เสียเงินนั้นเป็นเรื่องใหญ่อย่างยิ่ง แต่เสียชื่อเสียงล่ะก็ คุณจะหาเงินได้ยากขึ้น แต่ถ้าคุณเสียสุขภาพ คุณจะไม่มีโอกาสที่จะมีทั้งเงินและชื่อเสียงเลย")และสินค้าผลิตภัณฑ์เกษตรที่ไม่พึ่งพาสารเคมี ตอนนี้มีน้อยมาก แต่คนต้องการเยอะ เพราะว่าหลายๆประเทศไปให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีมากกว่าการเกษตร จึงไม่ค่อยมีพื้นที่เพาะปลูกเท่าไหร่ และประเทศที่มีศักยภาพในการเพาะปลูกสูงในโลก ก็มีน้อย (ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพทางการเพาะปลูกสูง แต่ไม่รู้ว่าท่านผู้บริหารประเทศกำลังทำอะไรกันอยู่ ถึงไม่ให้ความสำคัญ)ส่วนเรื่องราคาน่ะเหรอ "ผลิตภัณฑ์เกษตรที่ไม่พึ่งพาสารเคมี" แพงกว่าสินค้าเกษตรที่พึ่งสารเคมีประมาณ 1 เท่าตัวเลยทีเดียว(อันนี้ผมจำไม่ได้ครับ ถ้าผิดขออภัย)เป็นยังไงบ้างครับ พอจะมองการวิจัยตลาดออกรึยังครับเมื่อเรารู้แล้วว่าเราจะขายอะไร คู่แข่งเป็นอย่างไร แต่อย่าลืมว่าธุรกิจแต่ละประเภท มีรายละเอียดปลีกย่อยไม่เหมือนกันลองยกตัวอย่างง่ายๆครับ "ทำไมก๋วยเตี๋ยวแต่ละร้าน ขายดีไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่มันก็เป็นก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน" นั่นเป็นเพราะอะไร ก็เพราะรายละเอียดปลีกย่อยๆเล็กๆน้อยๆไงครับหลายๆคนคิดว่า อ๋อ แค่ขายก๋วยเตี๋ยวก็มีแค่ เตรียมน้ำซุป แล้วก็ซื้อเส้นมา เอาไว้ลวก แล้วก็หาลูกชิ้นๆอร่อยๆเอาไว้ก็แค่นั้นเองลองคิดดูนะครับว่า ถ้ามันเป็นแบบที่ผมกล่าวไว้ข้างบน ทำไมจะต้องมีคนไปเสียเงินซื้อสูตรการทำก๋วยเตี๋ยวแพงๆ ทั้งๆที่วิธีการทำ ไปหาหนังสืออ่านเอาก็ได้และนี่ก็เป็นที่มาของ เทคนิค รายละเอียดปลีกย่อย ที่ผมรวบรวมมาไว้ให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับสุดยอดเทคนิคการทำ Affiliate ให้สำเร็จ
    1. พยายามใส่ Keywords ไว้ในตัวโฆษณา - เราจะต้องแสดงให้กับผู้ที่ค้นหารู้ว่าตัวโฆษณาของเรานั้นสัมพันธ์กันกับสิ่งที่เค้ากำลังค้นหาอยู่ โดยใส่ Keywords ไว้ในตัวโฆษณาของเราด้วย เพราะว่าทาง Google จะแสดงคีย์เวิร์ดนั้นเป็นตัวหนา แล้วก็จะทำให้ตัวโฆษณาของเราเด่นกว่าของคนอื่นครับ
    2. ใช้ Keywords ในแต่ละ Group ไม่มาก - การที่เราใช้ Ad Group แค่ตัวเดียวโดยที่มี Keywords เยอะๆประมาณ 1,000 – 2,000 ตัว ไม่เป็นการดีครับ เพราะว่ามันจะทำให้เรามี CTR ที่ต่ำ แล้วก็จะยากต่อการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ทางที่ดีควรจะแยก Keywords ที่คล้ายๆกันอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และถ้าหากทำแบบนี้แล้วก็จะสามารถทำตามเทคนิคข้อที่ 1 ได้ด้วยครับ (อันนี้อาจจะแย้งกับแนวคิดของคุณ ASIRAM แต่ก็แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคนนะครับ)
    3. ใส่ Bid ในตอนเริ่มโฆษณาให้สูงๆ - เนื่องจากว่าทาง Google นั้นจะจัดอันดับโฆษณาจากราคา Bid และ CTR การที่จะทำให้ CTR ของเราสูงขึ้นจะต้องใส่ราคา Bid ในตอนเริ่มทดลองสินค้าตัวใหม่ให้สูงๆก่อน เพื่อที่จะให้โฆษณาของเราอยู่อันดับ 1 – 8 จากนั้น CTR ของเราจะสูงขึ้นแล้วก็ CPC ของเราจะลดต่ำลงเองครับ
    4. ตั้งอัตราค่าโฆษณาต่อวันให้สูงกว่าที่ทาง Google แนะนำ - ถ้าเราตั้งค่าโฆษณาต่อวันน้อยเกินไป โฆษณาของเราอาจจะแสดงไม่ตลอดทั้งวัน และแน่นอนครับเมื่อลูกค้าที่กำลังต้องการสินค้าที่เราขายอยู่เข้ามาแล้วไม่เจอโฆษณาของเรา เราก็จะเสียโอกาสนี้ไป วิธีการลดปริมาณการคลิกจากกลุ่มคนที่ไม่ต้องการซื้อของจริงๆ ก็ให้เราใช้ Nagative Keywords , Exact Matches, และกำหนดประเทศในการแสดงโฆษณา
    5. หลีกเลี่ยง Keywords ที่มีการแข่งขันสูง - อย่าเสียเงินโดยใช่เหตุโดยการใส่ Bid สูงๆกับ Keywords ที่มีการแข่งขันกันเยอะ ให้เราหา Keywords ที่มีคนค้นหาน้อย แต่หลายๆ Keywords ดีกว่าครับ เพราะว่า Keywords ที่มีคนค้นหาน้อยแต่ว่าหลายตัว ก็จะเท่ากับหรือมากกว่า Keywords ที่มีคนค้นหาเยอะแค่คำเดียว แถมยังมีราคา Bid ถูกมากๆครับ
    6. ตั้งราคา Bid ใน Exact Matches Keywords ให้สูงกว่า Keywords แบบอื่น - ให้เราใช้ Exact Matches Keywords ร่วมด้วยกับ Matches แบบอื่นๆ แล้วก็ตั้งราคา Bid ให้สูงกว่าแบบอื่นเล็กน้อย เพราะว่า Google จะให้ความสำคัญกับ Exact Matches Keywords มากกว่า Matches แบบอื่นใน Keywords เดียวกัน เช่นใน group หนึ่งเราตั้งราคา Bid ไว้ที่ 0.10 เราก็กำหนดให้ Bid ของ Exact Matches Keywords เป็น 0.25ตัวอย่าง[online casino] ** 0.25“online casino”
    7. ใช้ Negative Keywords - ad-copy ของเราจะไม่แสดงถ้าเกิดว่าการค้นการมี Negative Keywords อยู่ด้วย ให้เราใส่ Negative Keywords ไปด้วย เพราะว่ายิ่งมี Negative Keywords มากเท่าไหร่ CTR ของเราก็จะยิ่งเพิ่มมากขั้นไปด้วย เป็นการประหยัดเงิน แล้วก็ทำให้ตำแหน่งโฆษณาของเราสูงขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่นสินค้าของเรานั้นเป็นแบบ premium ก็ให้เราใส่ Negative Keywords ที่ไม่เกี่ยวกับ premium ไว้ด้วยตัวอย่าง[premium web hosting] ** 0.25“premium web hosting”-free-cheap-discount
    8. ใช้ Landing Pages ให้สัมพันธ์กับสินค้า - เพราะว่าถ้าหากลูกค้าคลิกที่โฆษณาแล้วไปที่หน้าที่ขายสินค้าทันที ก็จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่าย อย่าลืมนะครับว่าลูกค้าของเรามีเวลาไม่มากในการค้นหา ถ้าเค้าเจอเว็บที่ไม่เกี่ยวข้องกับความต้องการของเค้า เค้าก็จะปิดเว็บนั้นไป เราก็จะเสียโอกาส สำหรับเทคนิคการทำ Landing Pages ให้มียอดขายสูงดูที่นี่ครับ
    http://www.seo.in.th/webboard/index.php?showtopic=4846
    9. แยกการค้นหาแบบ Search และ Content Campaigns - มีหลายๆคนที่เสียเงินโดยใช่เหตุ เพราะว่าไม่ได้แยกการค้นหาแบบ Search และ Content ส่วนมากเราจะไม่รู้และไม่สังเกตุว่า Google นั้นจะให้โฆษณาของเราไปปรากฏที่ Google Content Network ด้วย เราจะต้องปิดบริการตัวนี้หรือว่าแยกเอาไว้เป็น 2 ส่วน
    10. ใช้ Ad หลายๆแผ่นแล้วนำมาเปรีบเทียบ (เทคนิค Split) - Google นั้นให้เราสร้างตัวโฆษณาหลายๆแผ่นใน Ad เดียวกันได้ ให้เราสร้างตัวโฆษณามาอย่างน้อย 2 แผ่นเพื่อที่จะได้เปรียบเทียบว่าแผ่นไหนดีกว่ากัน โดยสังเกตุจาก CTR ถ้าโฆษณาแผ่นไหนไม่ดีก็ให้ลบทิ้งแล้วก็สร้างใหม่ อาจจะแค่สลับบรรทัดหรือเปลี่ยนคำเป็นบางคำก็ได้
    11. อย่าลืมใช้การ Tracking - เพราะว่าเราจะได้รู้ว่า คีย์เวิร์ดตัวไหน ที่ทำกำไรให้กับเรา และคีย์เวิร์ดตัวไหน ที่ไม่ทำกำไรให้เรา ก็ตัดทิ้งไปได้เลย ไม่ต้องเสียดาย มันจะทำให้เราเสียเงินเปล่าๆ
    12. ใส่คำที่กระตุ้นให้อยากคลิกไว้ใน Headline - ให้เราเริ่มต้นด้วยคำที่กระตุ้นให้อยากคลิกเข้าไปดูเช่น “Free:, New:, Sale:, ect” แต่เราต้องเช็คด้วยว่าคำที่เราใช้นั้นทาง Google อนุญาตรึเปล่า
    13. ใส่คำที่กระตุ้นให้อยากคลิกไว้ในตัวโฆษณา - ให้เราใส่คำที่ดูแล้วน่าคลิกเข้าไปเช่น “free, cheap, sale, special offer, time limited offer, tricks, you, tips, enhance, discover, fact, learn, at last, free shipping, ect.ตัวอย่าง* Buy Today – Save 50%* Download Free Trial Now* Sale Ends Tomorrow
    14. ใส่คำที่ดูแล้วดูดีกว่าคู่แข่งคนอื่น - อะไรที่จะทำให้สินค้าของเราดูดีกว่าหรือแตกต่างจากคู่แข่ง ให้เราใส่ไปในข้อความโฆษณาด้วย ตัวอย่างเช่นเว็บไซต์ Amazon.com จะเขียนข้อความไว้ในบรรทัดแรกว่า “Earth’s Biggest Bookstore” นี่เป็นคำที่ดูแล้วน่าเข้าไปดูในเว็บไซต์มาก เพราะเค้าบอกว่า Amazon.com นั้นเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    15. เอาคำที่ไม่มีประโยชน์ออก – ตัวอย่างเช่น “a, an, in, on, it, of” อย่าใส่คำพวกนี้ลงไปในตัวโฆษณา เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองคำเปล่าๆ
    16. ใส่ราคาลงไปในตัวโฆษณาด้วย – อันนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีงบน้อย แต่มันจะทำให้ CTR เราต่ำ แต่ผลที่ออกมาดีก็คือ เราจะมี Conversion ที่สูงขึ้น เพราะว่าจะทำให้คนที่ไม่มีศักยภาพในการซื้อไม่คลิกที่ตัวโฆษณาของเรา
    17. ขึ้นต้นตัวอักษรด้วยตัวใหญ่เสมอ - ไม่น่าเชื่อใช่มั๊ยครับว่า แค่เปลี่ยนตัวอักษรตัวแรกเป็นตัวใหญ่จะทำให้ CTR เพิ่มขึ้นได้ ถ้าอย่างนั้นก็ลองกลับไปทำดูนะครับ ทั้งใน Headline, Ad-Text, Display URLนี่เป็นตัวอย่างของ ad-copy ที่ได้ CTR 6.2% ครับ
    How To Blog For ProfitGet
    33 Great Ideas To Profit FromBlog Quickly, Easily - Today!
    BlogProfits.com/special-offer.htm
    18. เพิ่มคำว่า Free / Special / Trial ลงไปใน Display URL ด้วย - มันจะทำให้ดูเหมือนว่าหน้าเพจที่ผู้ค้นหากำลังจะคลิกเข้าไปนั้นพิเศษจริงๆ แล้วสุดท้ายก็คลิกใน Display URL ดูเหมือนว่าให้คลิกเข้าไปแล้วเจอหน้าที่เป็น Free Trial ครับGet Fresh Website Content Instant Content For Your Website To Use Any Way You Like. Only $7 InstantNicheNews.com/FreeTrial
    19. ตัด "www" ใน Display URL ออก - จะได้มีพื้นที่เพิ่มในการทำตามข้อ 18
    20. ใช้ Dynamic Keywords - สำหรับข้อนี้ให้ดูที่นี่ครับ
    http://www.seo.in.th/webboard/index.php?showtopic=4825ตัวอย่าง{KeyWord} Get 33 Hot Ideas You Can Use Now To Profit From Blogs - Fast. Easy. www.BlogProfits.com/spl-offer.htm {KeyWord} 41 Quick Ideas To Turn Your Blog & RSS Feeds Into Money Makers -Easy www.RSS-Marketing.com/Profits
    21. เปลี่ยนคำแค่คำเดียวระหว่างการทดสอบ Split Test - ถ้าคุณเปลี่ยนคำใน ad-copy หลายๆคำพร้อมกันในระหว่างการทดสอบ จะทำให้คุณไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคำที่กระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกที่โฆษณานั้นคือคำไหน เช่นโฆษณาตัวนี้เปลี่ยนแค่คำเดียว ทำให้ CTR เพิ่มขึ้นมา 1 เท่าตัวเลยทีเดียวad-copy ตัวนี้ CTR = 0.4% ต้นทุนต่อคลิกอยู่ที่ $0.05
    How To Be CharismaticDazzle Your Friends. Be The Center Of Attention. Easy 8 Step Guide www.EzineMarketingCenter.com/charm
    ad-copy ตัวนี้ CTR = 0.2% ต้นทุนต่อคลิกอยู่ที่ $0.05
    How To Be Appealing Dazzle Your Friends. Be The Center Of Attention. Easy 8 Step Guide www.EzineMarketingCenter.com/charm
    22. ใช้ชื่อเว็บไซต์ของคู่แข่งมาทำเป็นคีย์เวิร์ด - ชื่อเวปไซด์ที่เป็นคู่แข่งกับเวปไซด์ที่เรากำการโฆษณาและมีtraffic ดีๆครับ เนื่องจากเค้าขายสินค้าเหมือนเราและมีคนรู้จักเยอะเป็นที่นิยมสูงทำให้ชื่อเวปไซด์ของเค้ามีคนค้นหาเยอะครับ และ เทรดมาร์คต่างๆที่มีคนค้นหาจำนวนมากเทคนิคต่างๆเพิ่มเติมที่มีประโยชน์-
    เทคนิคการทำ Landing Page เปลี่ยนคนเข้าชมเว็บคุณให้เป็นลูกค้าด้วยวิธีง่ายๆ
    - วิธีการทำ Dynamic Keywords เปลี่ยน Title ของโฆษณาตามคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าค้นหา ทำให้โฆษณาของเราโดนใจกว่าใคร-
    เทคนิคการทำให้ตำแหน่งโฆษณาของเราดีขึ้นในภายใน 5 นาที
    ที่ผมรวบรวมไว้ทั้งหมด ใช่ว่าจะใช้ได้ผลหมดนะครับ คุณต้องเอาไปดัดแปลงเอาเองครับแล้วก็ใครที่มีอะไรดีก็อย่าลืมมาแชร์กันนะครับ

    Labels:

    การนำ Link ID ของ CJ ไปโปรโมท



    จากหน้า เมนูหลักของเรา ให้กดที่ Get Link แล้วกดที่ By Relationship เวบที่เขาอนุมัติให้เราแล้วจะอยู่ที่นี่ครับ




    กดที่เวบแล้วจะขึ้นรายละเอียดต่างๆของเวบขึ้นมาดังรูป ทางขวามือเราจะเห็น Get Link By Type ,By Promotion ที่ By Type จะมี Product Banner Advanced Link Text Link Content Link SmartLink Advertiser SmartZone Keyword Link ถ้าเราจะนำไปติดเวบให้เลือกมี่ Banner ถ้าจะนำไปโปรโมทให้เลือกที่ Text Link หรือจะเอาจาก Banner ก็ได้ แต่นิยมเลือกที่ Text Link




    ข้างบนนี้คือลักษณะของ Link แบบ Banner เมื่อเราต้องการ Banner ขนาดไหนเราก็กด Banner นั้น




    แล้วกด Get HTML เลือกแบบ HTML หรือแบบ JAVA Script ก็ได้ในที่นี้ผมเลือก HTML ให้ Copy HTML ทั้งหมดนำไปวางที่เวบเราตรงที่เราต้องการ



    ถ้าจะนำไปโปรโมทให้เลือกที่ Text Link จะได้รูปด้านล่างครับ


    กดที่ Get HTML แล้ว Copy เอาเฉพาะที่ผมไฮไลด์ไว้ให้เท่านั้น นำไปโปรโมทได้ครับ



    ในที่สุดเราก็ได้ Link นำไปโปรโมทแล้วครับ ขอแนะนำอีกอย่างครับ คือให้ดูที่ รายได้ของเวบที่เราจะนำไปโปรโมทครับ (Network Earnings)โดยดูที่รายได้ของเขาคือ 3 Month EPC (รายได้เฉลี่ย 3 เดือน)หรือ 7 Day EPC (รายได้เฉลี่ย 7 วัน) ถ้ารายได้มากแสดงว่าสินค้าได้รับความนิยมมาก หรือถ้า 7 Day EPC ไม่มีเลย มีแต่ 3 Month EPC ก็พอใช้ได้ครับ ถ้าทั้ง 3 เดือนและ 7 วัน ไม่มีรายได้เลยคือเป็น N/A ขอแนะนำอย่าเอา Link นั้นไปโปรโมท ครับไม่แน่ใจว่าจะได้หรือป่าว และหน้า ที่จะพาลูกค้าไป จาก Link ที่เราเลือกนั้นดูจากหน้า View Destination Page ครับถ้ามันตรงกับ Keyword เราก็ใช้ได้ แต่ถ้าไม่ตรงก็เลือก Link ใหม่ หรือเราไม่ชอบใจก็เลือกใหม่ได้ครับ

    Labels:

    วิธีสมัคร LinkShare

    สมัครที่นี่เลยครับ Click here for free LinkShare Membership



    กด Joint Now แล้วเลือกตามในรูปครับ



    ต่อไป ก็กรอก ชื่อ-นามสกุล,ที่อยู่,เลขที่บัตรประชาชน,เบอร์โทร




    จากนั้นก็มาเลือกชื่อ log in และ password ของเรา password ต้องประกอบไปด้วยตัวเลขอย่างน้อย 2 ตัวขึ้นไป ดูข้อตกลง และยอมรับข้อตกลง







    เมื่อกด next ก็จะเข้าสู่หน้า log in ซึ้งเราต้องไปกรอกข้อมูลต่างๆอีก คือ รายละเอียดของเวบเรา,W8BEN หรือใบเสียภาษีเป็นต้น ดังรูปนะครับ










    ส่วนวิธีการกรอกใบเสียภาษีมีดังนี้ครับเลือก W-8BEN ก็จะใส่ชื่อ,ที่อยู่,เลขที่เสียภาษี เหมือนของ CJ ดูตามรูปครับ






    จากนั้นก็กด Next เป็นอันเสร็จครับ

    Labels:

    วิธีสมัคร Click Bank

    วิธีสมัคร CB หรือ Click Bank กดที่ link ได้เลยครับ

    ก่อนอื่นเปิดเวบขึ้นมาก่อน ที่หน้าแรกกดที่ Sign up ด้านบนขวามือ


    กรอกข้อมูลส่วนตัวให้ครบ แล้วกด Submit


    แล้วไปเปิด อีเมล์ที่เราใช้สมัคร นำโค้ดที่ได้มา ใส่ลงไป พร้อมกับตัวอักษรที่มองเห็นด้านล่าง แล้วกด Finish




    เท่านี้เป็นอันเสร็จครับ

    Labels:

    วิธีสมัคร Commission Junction

    วิธีสมัคร CJ สมัครที่ลิ้งค์นี้เลยครับ Commission Junction


    อันดับแรกเลือกภาษา English และเลือกประเทศ thailand แล้วก็เลือก สกุลเงินเป็น US dollar แล้วกด Next


    ตรงนี้หลายคนสมัครไม่ได้ เราต้องเลื่อน Scrollar box ลงมาจนสุดแล้วเราจะเห็นปุม Accept แล้วก็กดถึงจะมีเครื่องหมายถูกขึ้นมา จากนั้นก็กรอกข้อมูลต่างๆของเราลงไป





    แล้วกด Accept Terms เป็นอันเสร็จสิ้น จากนั้นกลับไปเช็ค อีเมล์ จะเห็นเมล์แจ้งผลการสมัคร และก็จะมีเมล์ส่งใบ W8-BEN (ภาษี)มาให้เรากรอกแล้วส่งไปให้เขา Account เราถึงจะ Active การส่ง W8-BEN เราจะต้องกรอกข้อมูลในใบภาษีนั้นให้ครบถ้วน แล้วส่งกลับไปให้เขา โดยการส่งมีหลายแบบครับ แต่ที่แนะนำคือส่ง E-Fax หรือส่งเป็นจดหมายเลยก็ได้ครับ

    Labels:

    Get Google Ads Free! / 30 Minute Backlinks! / Newbie Cash Machine!

    Google