สุดยอด Affiliate Tips
สุดยอด Affiliate Tips (เกร็ดเล็กๆน้อยๆที่คุณมองข้าม)
เขียนโดย whitebmw จาก Thaiseoboard.com
อันนี้ผมได้รวบรวมมาไว้ตั้งนานแล้วครับ แต่ผมโพสไว้ที่บอร์ด เสียวในไทย แล้วก็เห็นว่าตอนนี้ที่บอร์ดนี้กำลังหันมาสนใจ Affiliate กันเยอะ ก็เลยเอามาแชร์กันครับโดยที่ทั้งหมดนี้เกิดจากผมนั่งเก็บเล็กเก็บน้อย นั่งอ่านกระทู้เยอะๆ แล้วก็รวบรวมเอาไว้เราจะเริ่มต้นในการทำ Affiliate ยังไงดีขอบคุณมากครับ สำหรับคำถาม
... เริ่มแรกที่เราจะต้องทำ หลายๆคนที่ผมเห็น(จากการนั่งซุ่มดู) สิ่งแรกที่ทำกันก็คือ หาสินค้าที่จะทำการโปรโมท จริงๆแล้วมันก็ใช่ครับ เพราะต้องทำแบบนี้อยู่แล้ว แต่ว่าเพื่อนๆลืมอะไรไปรึเปล่าครับ ลืมทำการบ้านกันรึเปล่า(ไม่ใช่การบ้านแบบที่ทำกันกับแฟนที่บ้านนะครับ) การบ้านนี้ก็คือ "วิจัยตลาด" นั่นเองครับแล้วไอ้การวิจัยตลาดมันคืออะไรล่ะ พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือว่า เราต้องดูก่อนว่า ก่อนที่เราจะขายอะไรสักอย่าง เราก็ต้องดูก่อนใช่มั๊ยครับว่า ของที่เราจะขาย มันขายดีรึเปล่า ตอนนี้ความต้องการสินค้าในตลาดมีมากรึเปล่ายกตัวอย่างให้ดูกันครับ อันนี้เอามาจากชีวิตจริงครับที่โรงงานแห่งนึง(ไม่ขอเอ่ยชื่อครับ) ส่วนมากโรงงานก็จะมีสาวโรงงานซะส่วนมาก และลองนึกดูนะครับว่า สิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับผู้หญิงทุกคนคืออะไร ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก
1. แป้งทาหน้า(นิสัยผู้หญิง ต้องสวยไว้ก่อน)
2. เครื่องสำอางค์
3. ผลไม้(นิสัยผู้หญิงชอบกินอะไรจุกจิกมากกว่าผู้ชาย)
4. แล้วก็อะไรอีกมากมาย ที่ผู้หญิงจำเป็น ก็ลองนึกๆกันดูแล้วกันนะครับแต่ว่าที่ขายดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ย้ำครับว่ามากๆๆๆๆๆๆๆๆ) และแทบจะหาของไม่ทันด้วย แถมไม่มีคู่แข่งมาแย่งขายอีก เพราะมีแต่คนคาดไม่ถึง และไม่มีคนคิดอยากจะขายด้วย สินค้าตัวนี้ มีความต้องการสูงมาก เพราะจำเป็นสำหรับผู้หญิง ผู้หญิงทุกคนต้องซื้อ ไม่ต่างอะไรกับน้ำมันเลยทีเดียว ราคาแพงแค่ไหนก็ต้องซื้อ แถมขายได้ตลอดเวลา ไม่บูดเน่า ไม่เสีย ให้ทายครับว่ามันคืออะไร
......มันคือ ผ้าอนามัย ครับผู้หญิงคนไหนบ้างไม่เป็นประจำเดือน (ยกเว้นคนท้อง และคนแก่ที่หมดประจำเดือนแล้ว แต่ในโรงงานก็คงจะไม่ค่อยได้เห็นกัน) แถมไม่ค่อยมีคนอยากจะขายอีกต่างหาก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เพราะฉนั้น คู่แข่งน้อยอีกต่างหาก แล้วก็ขายดีอีกต่างหากต่อไปเราก็ต้องดูว่า คู่แข่งในตลาดของเราเป็นยังไงขอบคุณสำหรับคำถามที่สองครับ
... อันนี้ถ้าใครดูหรือว่าชอบเกี่ยวกับพวกการตลาด หรือว่าดูรายการทีวีพวก Money Chanel บ่อยๆก็คงจะเคยได้ยินคำว่า "Niche Market"Niche Market คืออะไร มันก็คือ ตลาดที่มีคู่แข่งน้อย แต่มีความต้องการในตัวสินค้าหรือบริการมาก สำหรับตอนนี้ตลาดที่ Niche ของโลกก็คือ "ผลิตภัณฑ์เกษตรที่ไม่พึ่งพาสารเคมี" อันนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆครับ เพราะว่ายุดใหม่ๆนี่คนเราหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น (เคยมีคำกล่าวที่ว่า "เสียเงินนั้นเป็นเรื่องใหญ่อย่างยิ่ง แต่เสียชื่อเสียงล่ะก็ คุณจะหาเงินได้ยากขึ้น แต่ถ้าคุณเสียสุขภาพ คุณจะไม่มีโอกาสที่จะมีทั้งเงินและชื่อเสียงเลย")และสินค้าผลิตภัณฑ์เกษตรที่ไม่พึ่งพาสารเคมี ตอนนี้มีน้อยมาก แต่คนต้องการเยอะ เพราะว่าหลายๆประเทศไปให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีมากกว่าการเกษตร จึงไม่ค่อยมีพื้นที่เพาะปลูกเท่าไหร่ และประเทศที่มีศักยภาพในการเพาะปลูกสูงในโลก ก็มีน้อย (ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพทางการเพาะปลูกสูง แต่ไม่รู้ว่าท่านผู้บริหารประเทศกำลังทำอะไรกันอยู่ ถึงไม่ให้ความสำคัญ)ส่วนเรื่องราคาน่ะเหรอ "ผลิตภัณฑ์เกษตรที่ไม่พึ่งพาสารเคมี" แพงกว่าสินค้าเกษตรที่พึ่งสารเคมีประมาณ 1 เท่าตัวเลยทีเดียว(อันนี้ผมจำไม่ได้ครับ ถ้าผิดขออภัย)เป็นยังไงบ้างครับ พอจะมองการวิจัยตลาดออกรึยังครับเมื่อเรารู้แล้วว่าเราจะขายอะไร คู่แข่งเป็นอย่างไร แต่อย่าลืมว่าธุรกิจแต่ละประเภท มีรายละเอียดปลีกย่อยไม่เหมือนกันลองยกตัวอย่างง่ายๆครับ "ทำไมก๋วยเตี๋ยวแต่ละร้าน ขายดีไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่มันก็เป็นก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน" นั่นเป็นเพราะอะไร ก็เพราะรายละเอียดปลีกย่อยๆเล็กๆน้อยๆไงครับหลายๆคนคิดว่า อ๋อ แค่ขายก๋วยเตี๋ยวก็มีแค่ เตรียมน้ำซุป แล้วก็ซื้อเส้นมา เอาไว้ลวก แล้วก็หาลูกชิ้นๆอร่อยๆเอาไว้ก็แค่นั้นเองลองคิดดูนะครับว่า ถ้ามันเป็นแบบที่ผมกล่าวไว้ข้างบน ทำไมจะต้องมีคนไปเสียเงินซื้อสูตรการทำก๋วยเตี๋ยวแพงๆ ทั้งๆที่วิธีการทำ ไปหาหนังสืออ่านเอาก็ได้และนี่ก็เป็นที่มาของ เทคนิค รายละเอียดปลีกย่อย ที่ผมรวบรวมมาไว้ให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับสุดยอดเทคนิคการทำ Affiliate ให้สำเร็จ
1. พยายามใส่ Keywords ไว้ในตัวโฆษณา - เราจะต้องแสดงให้กับผู้ที่ค้นหารู้ว่าตัวโฆษณาของเรานั้นสัมพันธ์กันกับสิ่งที่เค้ากำลังค้นหาอยู่ โดยใส่ Keywords ไว้ในตัวโฆษณาของเราด้วย เพราะว่าทาง Google จะแสดงคีย์เวิร์ดนั้นเป็นตัวหนา แล้วก็จะทำให้ตัวโฆษณาของเราเด่นกว่าของคนอื่นครับ
2. ใช้ Keywords ในแต่ละ Group ไม่มาก - การที่เราใช้ Ad Group แค่ตัวเดียวโดยที่มี Keywords เยอะๆประมาณ 1,000 – 2,000 ตัว ไม่เป็นการดีครับ เพราะว่ามันจะทำให้เรามี CTR ที่ต่ำ แล้วก็จะยากต่อการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ทางที่ดีควรจะแยก Keywords ที่คล้ายๆกันอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และถ้าหากทำแบบนี้แล้วก็จะสามารถทำตามเทคนิคข้อที่ 1 ได้ด้วยครับ (อันนี้อาจจะแย้งกับแนวคิดของคุณ ASIRAM แต่ก็แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคนนะครับ)
3. ใส่ Bid ในตอนเริ่มโฆษณาให้สูงๆ - เนื่องจากว่าทาง Google นั้นจะจัดอันดับโฆษณาจากราคา Bid และ CTR การที่จะทำให้ CTR ของเราสูงขึ้นจะต้องใส่ราคา Bid ในตอนเริ่มทดลองสินค้าตัวใหม่ให้สูงๆก่อน เพื่อที่จะให้โฆษณาของเราอยู่อันดับ 1 – 8 จากนั้น CTR ของเราจะสูงขึ้นแล้วก็ CPC ของเราจะลดต่ำลงเองครับ
4. ตั้งอัตราค่าโฆษณาต่อวันให้สูงกว่าที่ทาง Google แนะนำ - ถ้าเราตั้งค่าโฆษณาต่อวันน้อยเกินไป โฆษณาของเราอาจจะแสดงไม่ตลอดทั้งวัน และแน่นอนครับเมื่อลูกค้าที่กำลังต้องการสินค้าที่เราขายอยู่เข้ามาแล้วไม่เจอโฆษณาของเรา เราก็จะเสียโอกาสนี้ไป วิธีการลดปริมาณการคลิกจากกลุ่มคนที่ไม่ต้องการซื้อของจริงๆ ก็ให้เราใช้ Nagative Keywords , Exact Matches, และกำหนดประเทศในการแสดงโฆษณา
5. หลีกเลี่ยง Keywords ที่มีการแข่งขันสูง - อย่าเสียเงินโดยใช่เหตุโดยการใส่ Bid สูงๆกับ Keywords ที่มีการแข่งขันกันเยอะ ให้เราหา Keywords ที่มีคนค้นหาน้อย แต่หลายๆ Keywords ดีกว่าครับ เพราะว่า Keywords ที่มีคนค้นหาน้อยแต่ว่าหลายตัว ก็จะเท่ากับหรือมากกว่า Keywords ที่มีคนค้นหาเยอะแค่คำเดียว แถมยังมีราคา Bid ถูกมากๆครับ
6. ตั้งราคา Bid ใน Exact Matches Keywords ให้สูงกว่า Keywords แบบอื่น - ให้เราใช้ Exact Matches Keywords ร่วมด้วยกับ Matches แบบอื่นๆ แล้วก็ตั้งราคา Bid ให้สูงกว่าแบบอื่นเล็กน้อย เพราะว่า Google จะให้ความสำคัญกับ Exact Matches Keywords มากกว่า Matches แบบอื่นใน Keywords เดียวกัน เช่นใน group หนึ่งเราตั้งราคา Bid ไว้ที่ 0.10 เราก็กำหนดให้ Bid ของ Exact Matches Keywords เป็น 0.25ตัวอย่าง[online casino] ** 0.25“online casino”
7. ใช้ Negative Keywords - ad-copy ของเราจะไม่แสดงถ้าเกิดว่าการค้นการมี Negative Keywords อยู่ด้วย ให้เราใส่ Negative Keywords ไปด้วย เพราะว่ายิ่งมี Negative Keywords มากเท่าไหร่ CTR ของเราก็จะยิ่งเพิ่มมากขั้นไปด้วย เป็นการประหยัดเงิน แล้วก็ทำให้ตำแหน่งโฆษณาของเราสูงขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่นสินค้าของเรานั้นเป็นแบบ premium ก็ให้เราใส่ Negative Keywords ที่ไม่เกี่ยวกับ premium ไว้ด้วยตัวอย่าง[premium web hosting] ** 0.25“premium web hosting”-free-cheap-discount
8. ใช้ Landing Pages ให้สัมพันธ์กับสินค้า - เพราะว่าถ้าหากลูกค้าคลิกที่โฆษณาแล้วไปที่หน้าที่ขายสินค้าทันที ก็จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่าย อย่าลืมนะครับว่าลูกค้าของเรามีเวลาไม่มากในการค้นหา ถ้าเค้าเจอเว็บที่ไม่เกี่ยวข้องกับความต้องการของเค้า เค้าก็จะปิดเว็บนั้นไป เราก็จะเสียโอกาส สำหรับเทคนิคการทำ Landing Pages ให้มียอดขายสูงดูที่นี่ครับ
http://www.seo.in.th/webboard/index.php?showtopic=4846
9. แยกการค้นหาแบบ Search และ Content Campaigns - มีหลายๆคนที่เสียเงินโดยใช่เหตุ เพราะว่าไม่ได้แยกการค้นหาแบบ Search และ Content ส่วนมากเราจะไม่รู้และไม่สังเกตุว่า Google นั้นจะให้โฆษณาของเราไปปรากฏที่ Google Content Network ด้วย เราจะต้องปิดบริการตัวนี้หรือว่าแยกเอาไว้เป็น 2 ส่วน
10. ใช้ Ad หลายๆแผ่นแล้วนำมาเปรีบเทียบ (เทคนิค Split) - Google นั้นให้เราสร้างตัวโฆษณาหลายๆแผ่นใน Ad เดียวกันได้ ให้เราสร้างตัวโฆษณามาอย่างน้อย 2 แผ่นเพื่อที่จะได้เปรียบเทียบว่าแผ่นไหนดีกว่ากัน โดยสังเกตุจาก CTR ถ้าโฆษณาแผ่นไหนไม่ดีก็ให้ลบทิ้งแล้วก็สร้างใหม่ อาจจะแค่สลับบรรทัดหรือเปลี่ยนคำเป็นบางคำก็ได้
11. อย่าลืมใช้การ Tracking - เพราะว่าเราจะได้รู้ว่า คีย์เวิร์ดตัวไหน ที่ทำกำไรให้กับเรา และคีย์เวิร์ดตัวไหน ที่ไม่ทำกำไรให้เรา ก็ตัดทิ้งไปได้เลย ไม่ต้องเสียดาย มันจะทำให้เราเสียเงินเปล่าๆ
12. ใส่คำที่กระตุ้นให้อยากคลิกไว้ใน Headline - ให้เราเริ่มต้นด้วยคำที่กระตุ้นให้อยากคลิกเข้าไปดูเช่น “Free:, New:, Sale:, ect” แต่เราต้องเช็คด้วยว่าคำที่เราใช้นั้นทาง Google อนุญาตรึเปล่า
13. ใส่คำที่กระตุ้นให้อยากคลิกไว้ในตัวโฆษณา - ให้เราใส่คำที่ดูแล้วน่าคลิกเข้าไปเช่น “free, cheap, sale, special offer, time limited offer, tricks, you, tips, enhance, discover, fact, learn, at last, free shipping, ect.ตัวอย่าง* Buy Today – Save 50%* Download Free Trial Now* Sale Ends Tomorrow
14. ใส่คำที่ดูแล้วดูดีกว่าคู่แข่งคนอื่น - อะไรที่จะทำให้สินค้าของเราดูดีกว่าหรือแตกต่างจากคู่แข่ง ให้เราใส่ไปในข้อความโฆษณาด้วย ตัวอย่างเช่นเว็บไซต์ Amazon.com จะเขียนข้อความไว้ในบรรทัดแรกว่า “Earth’s Biggest Bookstore” นี่เป็นคำที่ดูแล้วน่าเข้าไปดูในเว็บไซต์มาก เพราะเค้าบอกว่า Amazon.com นั้นเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
15. เอาคำที่ไม่มีประโยชน์ออก – ตัวอย่างเช่น “a, an, in, on, it, of” อย่าใส่คำพวกนี้ลงไปในตัวโฆษณา เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองคำเปล่าๆ
16. ใส่ราคาลงไปในตัวโฆษณาด้วย – อันนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีงบน้อย แต่มันจะทำให้ CTR เราต่ำ แต่ผลที่ออกมาดีก็คือ เราจะมี Conversion ที่สูงขึ้น เพราะว่าจะทำให้คนที่ไม่มีศักยภาพในการซื้อไม่คลิกที่ตัวโฆษณาของเรา
17. ขึ้นต้นตัวอักษรด้วยตัวใหญ่เสมอ - ไม่น่าเชื่อใช่มั๊ยครับว่า แค่เปลี่ยนตัวอักษรตัวแรกเป็นตัวใหญ่จะทำให้ CTR เพิ่มขึ้นได้ ถ้าอย่างนั้นก็ลองกลับไปทำดูนะครับ ทั้งใน Headline, Ad-Text, Display URLนี่เป็นตัวอย่างของ ad-copy ที่ได้ CTR 6.2% ครับ
How To Blog For ProfitGet
33 Great Ideas To Profit FromBlog Quickly, Easily - Today!
BlogProfits.com/special-offer.htm
18. เพิ่มคำว่า Free / Special / Trial ลงไปใน Display URL ด้วย - มันจะทำให้ดูเหมือนว่าหน้าเพจที่ผู้ค้นหากำลังจะคลิกเข้าไปนั้นพิเศษจริงๆ แล้วสุดท้ายก็คลิกใน Display URL ดูเหมือนว่าให้คลิกเข้าไปแล้วเจอหน้าที่เป็น Free Trial ครับGet Fresh Website Content Instant Content For Your Website To Use Any Way You Like. Only $7 InstantNicheNews.com/FreeTrial
19. ตัด "www" ใน Display URL ออก - จะได้มีพื้นที่เพิ่มในการทำตามข้อ 18
20. ใช้ Dynamic Keywords - สำหรับข้อนี้ให้ดูที่นี่ครับ
http://www.seo.in.th/webboard/index.php?showtopic=4825ตัวอย่าง{KeyWord} Get 33 Hot Ideas You Can Use Now To Profit From Blogs - Fast. Easy. www.BlogProfits.com/spl-offer.htm {KeyWord} 41 Quick Ideas To Turn Your Blog & RSS Feeds Into Money Makers -Easy www.RSS-Marketing.com/Profits
21. เปลี่ยนคำแค่คำเดียวระหว่างการทดสอบ Split Test - ถ้าคุณเปลี่ยนคำใน ad-copy หลายๆคำพร้อมกันในระหว่างการทดสอบ จะทำให้คุณไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคำที่กระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกที่โฆษณานั้นคือคำไหน เช่นโฆษณาตัวนี้เปลี่ยนแค่คำเดียว ทำให้ CTR เพิ่มขึ้นมา 1 เท่าตัวเลยทีเดียวad-copy ตัวนี้ CTR = 0.4% ต้นทุนต่อคลิกอยู่ที่ $0.05
How To Be CharismaticDazzle Your Friends. Be The Center Of Attention. Easy 8 Step Guide www.EzineMarketingCenter.com/charm
ad-copy ตัวนี้ CTR = 0.2% ต้นทุนต่อคลิกอยู่ที่ $0.05
How To Be Appealing Dazzle Your Friends. Be The Center Of Attention. Easy 8 Step Guide www.EzineMarketingCenter.com/charm
22. ใช้ชื่อเว็บไซต์ของคู่แข่งมาทำเป็นคีย์เวิร์ด - ชื่อเวปไซด์ที่เป็นคู่แข่งกับเวปไซด์ที่เรากำการโฆษณาและมีtraffic ดีๆครับ เนื่องจากเค้าขายสินค้าเหมือนเราและมีคนรู้จักเยอะเป็นที่นิยมสูงทำให้ชื่อเวปไซด์ของเค้ามีคนค้นหาเยอะครับ และ เทรดมาร์คต่างๆที่มีคนค้นหาจำนวนมากเทคนิคต่างๆเพิ่มเติมที่มีประโยชน์-
เทคนิคการทำ Landing Page เปลี่ยนคนเข้าชมเว็บคุณให้เป็นลูกค้าด้วยวิธีง่ายๆ- วิธีการทำ Dynamic Keywords เปลี่ยน Title ของโฆษณาตามคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าค้นหา ทำให้โฆษณาของเราโดนใจกว่าใคร-
เทคนิคการทำให้ตำแหน่งโฆษณาของเราดีขึ้นในภายใน 5 นาทีที่ผมรวบรวมไว้ทั้งหมด ใช่ว่าจะใช้ได้ผลหมดนะครับ คุณต้องเอาไปดัดแปลงเอาเองครับแล้วก็ใครที่มีอะไรดีก็อย่าลืมมาแชร์กันนะครับ
Labels: Affiliate Tips
1 Comments:
ขอบคุณครับ....
กำลังศึกษาข้อมูลอยู่พอดี
http://www.199web.com
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home